บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 กับ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค
รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ. ดวงดาว ฉันทศาสตร์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภก. จตุรงค์ ประเทืองเดชกุล
ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก :https://i.dailymail.co.uk/1s/2020/01/19/06/23583276-0-image-a-20_1579416806300.jpg
จากสถานการณ์ปัจจุบัน เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019, COVID-2019) ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑล หูเป่ย์ ประเทศจีน จากนั้นแพร่ระบาดไปหลายพื้นที่ในประเทศจีนและประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย การติด เชื้อไวรัสดังกล่าวในระบบทางเดินหายใจส่งผลให้เกิดโรคปอดอักเสบและพบรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตจากการติดเชื้อ
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ ทําให้ประชาชนตื่นตัวในด้านการดูแลสุขภาพเบื้องต้น กรมอนามัย กระทรวง สาธารณสุข แนะนําให้ประชาชนยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สร้างสุขอนามัยที่ดี” นั่นคือ การล้างมือด้วย น้ําและสบู่อย่างถูกวิธีนับเป็นวิธีการทำความสะอาดที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามการทํางานนอกบ้าน การเดินทางด้วย ระบบขนส่งสาธารณะ และกิจกรรมต่างๆ ในสถานที่สาธารณะ วิธีการล้างมือดังกล่าวอาจไม่สะดวก ดังนั้นการใช้ แอลกอฮอล์เจลหรือแอลกอฮอล์สเปรย์ทําความสะอาดมือ เป็นทางเลือกในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือได้เพื่อลดความ เสี่ยงของการติดเชื้อโรคจากการหยิบจับและสัมผัสได้
แอลกอฮอล์ที่ใช้สําหรับฆ่าเชื้อโรคโดยทั่วไปมีกี่ชนิด ?
แอลกอฮอล์ที่ใช้สําหรับฆ่าเชื้อโรคโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ เอทิลแอลกอฮอล์ (ethyl alcohol) และ ไอโซโพ รพิล แอลกอฮอล์ (isopropyl alcohol) แอลกอฮอล์ทั้ง 2 ชนิดเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ระเหยได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ในการทําลายเชื้อแบคทีเรีย เชื้อวัณโรค เชื้อรา และเชื้อไวรัส แต่ไม่สามารถทําลายสปอร์ของเชื้อ แบคทีเรียได้ แอลกอฮอล์จัดเป็นสารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพและฤทธิ์ในการทําลายเชื้อของแอลกอฮอล์จะลดลง มากหากความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ลดต่ำลงทั้งนี้พึงระลึกเสมอว่าห้ามใช้”เมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol)” โดยเด็ดขาด เนื่องจาก เมทิลแอลกอฮอล์ เป็นของเหลวใส ไม่มีสีระเหยง่าย เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการกลั่นทางปิโตรเคมีที่นิยมใช้ เป็นตัวทําละลายในอุตสาหกรรมการทําเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีทาไม้ น้ำมันเคลือบเงา ยาลอกสี ฯลฯ และใช้เป็น เชื้อเพลิงในธรรมชาติ ความเป็นพิษมากตอร่างกาย โดยเมทิลแอลกอฮอล์สามารถดูดซึมได้ทางผิวหนัง ลมหายใจ ผู้ที่สูดดมเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ทําให้หลอดลมอักเสบ มกีารระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ทําให้เยื่อบุตาอักเสบ อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดและตายได้ถ้าดื่มเข้าไป
ความเข้มข้นเท่าไรของแอลกอฮอล์ที่เหมาะสมในการฆ่าเชื้อโรค ?
เอทิลแอลกอฮอล์ และไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ มีประสิทธิภาพในการทําลายเชื้อได้ดีเมื่อมีความเข้มข้น 60-90% โดยปริมาตรในน้ํา (%v/v) และประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อจะลดลงอย่างชัดเจนเมื่อความเข้มข้นต่ํากว่า 50% โดยปริมาตร ซึ่งความเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพนั้นมีแอลกอฮอล์และน้ําผสมกันด้วยสัดส่วนที่เหมาะสม ส่งผล ต่อกลไกการออกฤทธิ์โดยการแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรคได้ จึงทําให้โปรตีนเสียสภาพและทําให้เยื่อหุ้มเซลล์ ของเชื้อโรคแตก ในกรณีของเชื้อไวรัสพบว่าเอทิลแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้น 60-80 % โดยปริมาตร ทําลายเชื้อ ไวรัสชนิดที่มีชั้นไขมันหุ้ม (Lipohilic viruses) เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ไวรัสเริม (Herpes virus) ไวรัสเอชไอวี (HIV) รวมถึง ไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ที่ทําให้เกิดโรค COVID-2019 นี้ด้วย นอกจากนี้ เอทิลแอลกอฮอล์ยังทําลายไวรัสชนิดที่ไม่มีชั้นไขมันหุ้ม (Hydrophilic virus) หรือไวรัสเปลือย (Naked virus) ได้ หลายชนิด เช่น เชื้ออะดีโนไวรัส (Adenovirus) เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ไรโนไวรัส (Rhinovirus) โรตาไวรัส (Rotaviruses) และไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B virus) แต่จะไม่ทําลายไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A virus) และโปลิโอไวรัส (Poliovirus) ส่วนไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์นั้นทําลายไวรัสชนิดที่มีชั้นไขมันหุ้ม แต่จะไม่ทําลายเอน เทอโรไวรัสซึ่งไม่มีชั้นไขมันหุ้มสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข กําหนดให้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็น ส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสําหรับมือ เช่น เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ที่มีจําหน่ายในท้องตลาดต้องประกอบด้วย เอทิลแอลกอฮอล์ หรือไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ ตั้งแต่ 70% โดยปริมาตรขึ้นไป และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและ ความปลอดภัยสูงสุด ได้ออกมาตรการเร่งด้วนในการห้ามผลิต นําเข้าหรือขายแอลกอฮอล์เจลที่มีความเข้มข้นของ แอลกอฮอล์น้อยกว่า 70% โดยปริมาตรในท้องตลาด อีกทั้งยังมีประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง วิธีการทดสอบและเกณฑ์ตัดสินผลการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ เพื่อสุขอนามัยสําหรับมือ พ.ศ. 2562 ให้ใช้วิธีทดสอบตามมาตรฐานสหภาพยุโรปว่าด้วยมาตรฐานสารเคมี ฆ่าเชื้อ บนพื้นผิวและภายนอกร่างกายของสิ่งมีชีวิต (EN 1276: 2009 Chemical disinfectants and antiseptics) และ ปรับปรุงเพื่อความเหมาะสมสําหรับประเทศไทยในเรื่องอุณหภูมิการทดสอบ ชนิดเชื้อแบคทีเรียที่ใช้ทดสอบและ สภาวะการทดสอบ โดยกําหนดเกณฑ์การตัดสินผลเพื่อดูถึงประสิทธิภาพในการลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียของ ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสําหรับมือไว้อย่างชัดเจน ในกรณีที่ต้องการอ้างบนฉลาก ว่าลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียต้องมีผลทดสอบประสิทธิภาพดังกล่าว
ถ้าฉลากผลิตภัณฑ์ระบุความเข้มข้นของแอลกอฮอล์เป็น % โดยน้ำหนัก (%w/w) จะทราบได้อย่างไรว่าฆ่า เชื้อโรคได้ ?
แอลกอฮอล์เข้มข้น 60-90% โดยปริมาตรในน้ำ (%v/v) เทียบเท่ากับ แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 52.1– 85.8% โดยน้ําหนักในน้ํา (%w/w) ดังตาราง ดังนั้นความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่มีประสิทธิภาพและถูกต้อง สอดคล้องกับประกาศตามที่กล่าวข้างต้นคือ แอลกอฮอล์เข้มข้น 70 -90% โดยปริมาตรในน้ำซึ่งเทียบเท่ากับ แอลกอฮอล์เข้มข้น 62.4 -85.8 % โดยน้ำหนักในน้ำ
ตารางเปรียบเทียบความเข้มข้น % โดยปริมาตรในน้ำ และ % โดยน้ำหนักในน้ำ ของเอทิลแอลกอฮอล์
ความเข้มข้นของเอทิลแอลกอฮอล์ (% โดยปริมาตร (% v/v)) | ความเข้มข้นของเอทิลแอลกอฮอล์ (% โดยน้ำหนัก (% w/w)) |
60.0% v/v
|
52.1% w/w
|
62.0% v/v
|
54.1% w/w
|
67.7% v/v
|
60.0% w/w
|
68.7% v/v
|
61.01% w/w
|
70.0% v/v
|
62.4% w/w
|
72.4% v/v
|
65.0% w/w
|
77.0% v/v
|
70.0% w/w
|
80.0% v/v
|
73.5% w/w
|
81.3% v/v
|
75.0% w/w
|
85.5% v/v
|
80.0% w/w
|
89.5% v/v
|
85.0% w/w
|
92.5% v/v
|
89.0% w/w
|
เอกสารอ้างอิง European Pharmacopoeia 7.0, 2011
หมายเหตุ
– เอทิลแอลกอฮอล์เข้มข้น 70 % โดยปริมาตรในน้ำ (%v/v) เทียบเท่า กับเอทิลแอลกอฮอล์เข้มข้น 62.4 % โดยน้ําหนักในน้ำ (%w/w) – เอทิลแอลกอฮอล์เข้มข้น 70 % โดยปริมาตรในน้ำ (%v/v) คือ เอทิลแอลกอฮอล์ปริมาตร 70 มิลลิลิตรผสม กับน้ําจนได้ปริมาตรรวม 100 มิลลิลิตร – เอทิลแอลกอฮอล์เข้มข้น 62.4 % โดยน้ำหนักในน้ำ (%w/w) คือ เอทิลแอลกอฮอล์น้ำหนัก 62.4 กรัมผสม กับน้ำจนได้น้ำหนักรวม 100 กรัม
แอลกอฮอล์ 95% ให้ผลฆ่าเชื้อโรคดีกว่าแอลกอฮอล์ 70% หรือไม่แอลกอฮอล์ 95% โดยปริมาตรในน้ำ เช่น denature ethyl alcohol 95% (DEB 95) มีปริมาณของ แอลกอฮอล์สูงมาก จึงระเหยรวดเร็วมากกว่าแอลกอฮอล์ 70% โดยปริมาตรในน้ำ และมปีริมาณน้ำในส่วนผสมไม่ เพียงพอที่จะดูดซึมผ่านเยื่อหุ้มผนังเซลล์ของเชื้อโรค จึงไม่ใช้แอลกอฮอล์ 95% โดยปริมาตรในน้ําในการฆ่าเชื้อโรค นอกจากนี้ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่สูงนี้จะชะล้างปริมาณไขมันบนผิวทําให้ผิวแห้ง และระคายเคืองได้
ใช้แอลกอฮอล์เจลเป็นทางเลือกเดียวของการล้างมือเท่านั้นหรือ ?แอลกอฮอล์เจลใช้เป็นทางเลือกในกรณีที่ไม่สามารถล้างมือได้ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรค อย่างไรก็ตามวิธีการล้างมือด้วยน้ำและสบู่อย่างถูกวิธีนับเป็นวิธีทาํความสะอาดที่ดีที่สุด นอกจากแอลกอฮอล์เจล แล้วยังสามารถใช้แอลกอฮอล์สเปรย์แทนได้ ที่สําคัญคือ ความเข้มข้นของเอทิลแอลกอฮอล์และไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์ในแอลกอฮอล์เจล และแอลกอฮอล์สเปรย์ต้องอยู่ในช่วง 70 -90% โดยปริมาตรในน้ำ จึงจะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค ทั้งนี้ในสูตรตํารับของแอลกอฮอล์เจล และแอลกอฮอล์สเปรย์ควรมีสารให้ความชุ่มชื้น เช่น glycerin ประมาณ 3-5% ซึ่งช่วยทําให้ผิวไม่แห้งภายหลังการทําความสะอาดโดยสรุป แอลกอฮอล์เข้มข้น 70-90%โดยปริมาตรในน้ำ (62.4– 85.8% โดยน้ำหนักในน้ำ) เป็นสารฆ่า เชื้อที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยสูง ราคาไม่แพง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่ตกค้าง ไม่ว่าจะเลือกใช้แอลกอฮอล์ เจล หรือแอลกอฮอล์สเปรย์ควรระมัดระวังความถี่ในการใช้ เพราะอาจทําให้ผิวแห้ง และควรระวังในเรื่องการ จัดเก็บให้พ้นแสงสว่างและความร้อน เพราะแอลกอฮอล์สามารถติดไฟได้ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ที่มี จําหน่ายในปัจจุบัน ผู้ผลิตอาจเติมสี แต่งกลิ่นในตํารับ เช่น เตรียมเป็นสารละลายใสหรือเจลสีฟ้า เพื่อให้ ผู้บริโภคตระหนักว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น ห้ามรับประทาน
เอกสารอ้างอิง
1.Rutala WA, Weber DJ, and Healthcare Infection Control Practices Advisory Committee. Guideline for Disinfection and Sterilization in Healthcare Facilities (2008). Center for disease control and prevention (update May 2019).
2.ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อ สุขอนามัยสําหรับมือในสถานที่ผลิตยาแผนปัจจุบัน ประกาศ ณ วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 25633.ชี้แจงข้อเท็จจริงการยกเลิกการปรับเปลี่ยนสถานะของผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์เจลจากเครื่องสําอางเป็นเครื่องมือ แพทย์ 5 มีนาคม 2563 กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
http://www.fda.moph.go.th/sites/Medical/SitePages/H1News.aspx
เข้าถึงเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563
4.ประกาศสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง วิธีการทดสอบและเกณฑ์ตัดสินผลการทดสอบ ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามยัสําหรับมือ พ.ศ. 2562
5.Interim Guidance for Preventing the Spread of Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) in Homes and Residential Communities
https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/hcp/guidance prevent-spread.html
เข้าถึงเมื่อวันที่7 มีนาคม 2563